News Release

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เดินหน้ายกระดับแฟชั่นไทยสู่ “Fashion Hero Brand” ดัน Soft Power สร้างแบรนด์ไทยสู่เวทีโลก

กรุงเทพฯ – วันที่ 4 สิงหาคม 2568 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ “ดีพร้อม” จัดกิจกรรมนำเสนอแผนการพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ภายใต้กิจกรรม “การพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand” ในกลุ่มอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity)” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 26 กิจการ เข้ารับวุฒิบัตร พร้อมนำเสนอแผนการพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับการอบรมและคำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญตลอดระยะเวลาโครงการ

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทั้งในด้านมูลค่าและการจ้างงาน โดยธุรกิจในอุตสาหกรรมสร้างรายได้ราว 3.9 แสนล้านบาท การส่งออกสินค้าแฟชั่นมีมูลค่ากว่า 2.0 แสนล้านบาท และการจ้างงานราว 7.5 แสนคนในปี 2564 นอกจากนี้ อุตสาหกรรมแฟชั่นยังมีความสำคัญในฐานะที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องหนัง อัญมณีและเครื่องประดับ ค้าปลีก บริการออกแบบและโฆษณา ซึ่งจุดแข็งที่สำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย ได้แก่ ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูง ทั้งในด้านการควบคุมการผลิตสินค้า และการบริหารจัดการในกระบวนการผลิต ทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าแฟชั่นให้กับแบรนด์ระดับโลก อีกทั้ง คนรุ่นใหม่ที่มีองค์ความรู้ด้านการออกแบบและสร้างแบรนด์ มีความสนใจเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นมากขึ้นนอกจากนี้ แฟชั่นไทยมีอัตลักษณ์และโดดเด่นไม่เหมือนใคร สามารถผสมผสานวัฒนธรรมและเสน่ห์ของความเป็นไทยเข้ากับเทรนด์แฟชั่นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะผ้าไหมและผ้าฝ้ายของไทย เป็นผ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและคุณภาพ มีหลากหลายชนิด สามารถผสมผสาน ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการและเลขานุการร่วมของ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และทำหน้าที่เป็น Focal Point ในสาขาแฟชั่นได้ดำเนินกิจกรรมเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย และงานหัตถกรรมไทย มาผสมผสานกับการออกแบบและบริหารแบรนด์แบบมืออาชีพ

นางดวงดาว กล่าวต่อว่า กิจกรรมพัฒนาแบรนด์แฟชั่นไทยสู่ “Fashion Hero Brand” เป็นการหนุนผู้ประกอบการเสื้อผ้าไทย ยกระดับสู่ตลาดสากล ภายใต้โครงการ “ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity)” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ว่ารัฐบาลจะมุ่งส่งเสริมการยกระดับภูมิปัญญาไทยสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Creative Culture) เพื่อผลักดัน Soft Power ให้กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ โดยเฉพาะในด้าน แฟชั่น ผ้าไทย อาหาร ดนตรี มวยไทย และศิลปะการแสดง ผ่านการสนับสนุนจากภาครัฐและการบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทยให้สามารถพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ให้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น ผสมผสานทุนทางวัฒนธรรมไทยเข้ากับนวัตกรรมและดีไซน์ร่วมสมัย เพื่อยกระดับให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติโดยกิจกรรมประกอบด้วยการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ครอบคลุมภาคทฤษฎีและปฏิบัติเป็นระยะเวลา 5 วัน พร้อมด้วยการลงพื้นที่ให้คำปรึกษาเชิงลึก เพื่อพัฒนาแบรนด์แบบเจาะลึก ตรงความต้องการของตลาด

อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่า แฟชั่นไทยยังประสบปัญหาในการเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากขาดการพัฒนาแบรนด์อย่างเป็นระบบ ขาดพื้นที่แสดงผลงานและคนไทยยังไม่นิยมใช้แบรนด์แฟชั่นของคนไทยเอง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงจัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาแบรนด์แฟชั่นที่มีเอกลักษณ์ นำไปสู่การสร้าง “Fashion Hero Brand” ที่แข็งแกร่งทั้งในเชิงภาพลักษณ์และความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการผลักดันแบรนด์แฟชั่นไทยรุ่นใหม่ที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานกับการออกแบบร่วมสมัย ให้สามารถก้าวสู่เวทีโลกได้อย่างมั่นคง ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านแฟชั่นสร้างสรรค์บนพื้นฐาน Soft Power อย่างเป็นรูปธรรม นางดวงดาว กล่าวทิ้งท้าย

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โทร. 0 2430 6883 กด 4 หรือติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ www.diprom.go.th และ www.facebook.com/dipromindustry

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *